Tuesday, February 20, 2007

Angular Spiral ตู้ลำโพงเทคนิคลึกล้ำ (TubeCooking #4 Project)

ลำโพง เป็นโปรเจ็คที่คิดว่าน่าจะทำง่าย และใช้เวลาไม่นาน แต่ที่ไหนได้ กลับเป็นโปรเจ็คที่ทำให้ต้องเสียเหงือมากที่สุด เริ่มต้นด้วยการค้นหาแบบตู้ลำโพง สำหรับลำโพงแบบ Fullrange ขนาด 6 นิ้วที่มีอยู่ ก็ไปได้แบบมาเป็นแบบที่คิดว่า น่าลองเล่นดู ภายในเป็นการนำไม้มาวางซิกแซก เพื่อให้เสียงมีทางเดินที่ยาว (และก็คงงงมากที่สุด) รูปล่างคือลำโพงที่มีอยู่เป็นของ Philips รุ่น AD3700 ด้านหน้า ด้านข้าง และรูปลายเส้นลำโพง และแบบตู้ลำโพงตามลำดับ









ขั้นตอนต่อไป ก็ตามล่าหาไม้ ในแบบบอกให้ใช้ไม้ Plywood ซึ่งผมก็ไม่ได้อยู่วงการไม้เสียด้วยซิ ก็เลยไม่รู้จักไม้ประเภทนี้ ถามผู้รู้ก็บอกให้ใช้ไม้ MDF ก็ได้ เพราะไม้ Plywood หายยาก เลยตัดสินใจไปเดินซื้อไม้ MDF ตามขนาดที่ระบุในแบบ ไม่ยากเลยครับไปเดินร้านขายไม้ ต่างจังหวัด (ผมอยู่ฉะเชิงเทรา) ก็ซื้อมาสองแผ่น 15 มม. และ 12 มม. จากนั้นก็ไปว่าจ้างช่างไม้ที่มีเครื่องมือพร้อมตัดตามแบบ ใช้เวลาเพียงไม่อึดใจ ที่นี้ในใจผมก็คิดว่า ต่อไปหมูๆ แค่ติดกาวทาสี แต่ให้ตายซิ ติดกาวมันไม่ยากเท่าไรหรอกครับ แต่ติดแล้วไม่ตรงซิแก้ไขยาก มีบางส่วนติดแล้วไม้เหลื่อมมาก เสียเวลาขัดปรับแต่งเสียหลายวัน เหงือเริ่มออก




ประกอบจนเป็นตู้ เรียบร้อยขั้นตอนต่อไปเป็นการระบายสี (เอ้ย ทาสี) ทารอบแรกใช้สีน้ำมันไม่ได้รองพื้น ผลงานเป็นกระปุ่มกระปั่ม (ไม่อยากเอารูปมาโชว์) ถามผู้รู้บอกต้องทาสีรองพื้นก่อน ก็ไปหาสีรองพื้นมา แล้วต้องเสียเหงืออีกกระบุ่ง กับการขัดเอาสีที่ทารอบแรกออกก่อน จากนั้นทาสีรองพื้น และทาสีทับอีกครั้ง คราวนี้พอใช้ได้เอาเป็นว่า ไม่แก้แล้วครับ เท่าที่ทำได้ดีกว่า



ดูรูปผลงานที่ประกอบลำโพงเรียบร้อยแล้ว ก็หายเหนื่อยครับ ประกอบเข้ากับชุดฟังเพลง ยิ่งหายเหนื่อยเข้าไปใหญ่ เพราะอาบน้ำแล้วและฟังในห้องแอร์ :-) เอาเป็นว่าสรุปลำโพง Fullrange ขนาด 6 นิ้ว ที่ดูว่าเสียงเบสไม่ค่อยจะมี แต่เสียงกลาง กับแหลมพริ้วถูกใจมาก พอประกอบลงตู้ลำโพง เบสมาพองามถูกใจ สำหรับการฟังเพลงบรรเลง และ Jazz ครับ หายเหนื่อยจริงๆ คราวนี้ไม่ได้พูดเล่นนะครับ



Gainclone ใครๆก็พูดถึง เลยอยากทำ (TubeCooking #3 Project)

Gaincard ชื่อผลิตภัณฑ์เครื่องขยายเสียงของ Sakura Systems เป็นเครื่องขยายที่ใช้อุปกรณ์น้อยชิ้น ทางเดินสัญญาณสั้นที่สุด (เท่าที่จะเป็นไปได้) และใช้การขยายจาก IC ที่รวมวงจรขยายไว้ในตัวเอง ดูรายละเอียดผลิตภัณฑ์ได้ที่ http://www.sakurasystems.com/products/47amp.html


GainClone ชื่อนี้เหล่านัก DIY เครื่องเสียงน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก แน่นอนผมก็เริ่มรู้จักตอนเริ่มทำใหม่ๆเนี้ยแหละ และที่รู้จักก็เนื่องจากเป็นสมาชิก กลุ่ม DIY ของเว็บไซต์ www.htg2.net พอดีมีพี่ในกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า MasterAT ได้ทำการกรุ๊ปบาย (Group Buy: รวมกลุ่มกันซื้อสินค้า หรือสั่งทำสินค้า ชนิดเดียวกันหลายๆคน ซึ่งจะทำให้ราคาถูกลง) ผมก็ลงชื่อเป็นคนหนึ่งที่ขอกรุ๊ปบายแผ่นปริ้นซ์ของโครงการนี้ ลืมบอกไปว่าว่าก็คือโครงการทำ Gainclone ของ IC เบอร์ LM3875TF แรกๆก็กะจะกรุ๊ปบายทิ้งไว้ซักพัก แต่พอได้ของแล้วมันมีอาการอยากทำ ก็เลยไปเดินบ้านหม้อหาซื้ออุปกรณ์ตามรายการ ที่อยู่บนแผ่นปริ้นซ์ ประกอบลงเรียบร้อยพร้อมใช้

รูปแผ่น PCB ที่กรุ๊ปบาย (รูปจากเว็บ htg2.net)

รูปวงจรที่ใช้ทั้งหมดในโครงงาน

แต่ก่อนใช้ให้บังเอิญว่า ไปเล่นอินเตอร์เน็ตหาความรู้เกี่ยวกับ GainClone มันเลยได้ความรู้ใหม่ว่า สามารถใช้หลอดสุญญากาศเป็นภาค Buffer ส่วนหน้าก่อนส่งสัญญาณเข้าสู่ GainClone ไอเดียมาเลยครับ แทนที่จะเสร็จไวๆ ก็ต้องประกอบวงจรหลอดขยาย ผมใช้ 6DJ8 มาเสริมครับ ตามวงจรด้านล่างเลย แต่ต้องเสียเวลารอสั่งพันหม้อแปลงเล็กน้อย และไม่เท่านั้น ด้วยความที่ได้ความรู้มาว่า ถ้าแยกวงจรส่วนแหล่งจ่ายพลังงาน (PSU: Power Supply Unit) ออกมาจะทำให้ลดการรบกวนได้ ผมเลยหากล่อง (วานลุงช่างไม้ ที่ช่วยทำ Project #2) 2 กล่องสำหรับส่วนของ Tube Buffer + GainClone หนึ่งกล่องและ PSU หนึ่งกล่อง กลายเป็นผลผลิตดังรูป

สรุปก็ภูมิใจในการผลิตผลงานใช้ส่วนตัวครับ ผมว่าสวยทีเดียว (เข้าข้างตัวเอง) เสียงรายละเอียดก็มีพอควร พลังก็มาก มีความหวานเจือมานิดๆ (คงเป็นเพราะหลอด) ที่ไม่มากเพราะภาคหลอดไม่ได้ใช้ไฟสูงในส่วนขยาย แอมป์ตัวนี้ผมก็เอาไว้ฟังเล่นๆในห้องทำงาน ร่วมกับลำโพง OB ในโครงการ 2 นั่นเอง

ลำโพงแบบนี้พึ่งรู้จัก เลยทำเลย (TubeCooking #2 Project)

ก่อนหน้าที่จะลงมือทำลำโพงตัวนี้ออกมา กำลังลงมือทำโปรเจ็ค Gain Clone อยู่ แต่ระอะไหล่ และคิดว่าเมื่อทำเสร็จแล้ว ไม่อยากจะทดสอบกับลำโพงที่มีอยู่ (เพราะราคาแพง และไม่มั่นใจในฝีมือตัวเอง) เลยมองหาลำโพงราคาถูกๆมาใช้ร่วมทดสอบ ก็ไปเจอลำโพงแบบ Full Range คู่หนึ่ง เป็นของ Protec รุ่น ราคาก็ตกอยู่ราวๆ 300 กว่าบาทต่อคู่ (ซื้อในช่วงโปรโมชั่น) ตอนแรกๆก็ว่าจะไม่ลงตู้อะไรเลย เอามาทดสอบลอยๆ แค่ว่าได้ยินเสียง หรือไม่มีเสียงเท่านั้นแหละ แต่ระหว่างที่รออยู่ ก็เปิดเว็บไซต์ดูข้อมูลอะไรไปเรื่อยๆ ไปเจอกับการประกอบลำโพงรูปแบบหนึ่ง ที่เรียกว่า OB (Open Baffle) คือนำเอาไดร์เวอร์ไปเจอะติดกับแผ่นกระดาน ที่มีด้านเดียว ไม่เหมือนตู้ลำโพงทั่วไป ที่ตัวตู้ต้องมีไม้ด้านหน้า ข้าง หลัง บน ล่าง





จากรูปเป็นรูปต้นความคิด นำมาจาก http://members.myactv.net/~je245/OBplan.jpg




ที่นี้ด้วยความเป็นมือใหม่ ก็ไม่คิดถึงหลักการออกแบบหรอก ว่าจะเอากว้้างเท่าไร ยาวเท่าไร เพียงแต่เอาแบบมาร่างด้วยมือ แล้วเดินตรงเข้าไปหาลุงช่างไม้ที่รู้จัก ไปถึงยังเลือกไม้ไม่ถูกเลยว่าจะเอาไม้อะไร หน้าเท่าไร ลุงแกก็เลือกให้เลย ไม่สักแล้วกัน หนาประมาณ 1 นิ้ว จากนั้นก็รอประมาณ 2-3 วัน ลุงก็นัดรับของ เสียค่าใช้จ่ายไปประมาณ 600 บาท จากนั้นก็เอาแบบเดินไปร้านกระจก บอกให้ตัดกระจกตามแบบให้หน่อย เมื่อได้กระจก ผมก็เริ่ม DIY นิดหน่อย คือการติดกระจกกับไม้ด้วยกาวซิลิโคน ยึดไดร์เวอร์กับช่องที่ตัดเป็นรูไว้ จากนั้นก็บัดกรีสายลำโพงเข้ากับ ไดร์เวอร์และ ........ จนได้ชิ้นงานขั้นสุดท้ายตามรูป




บทสรุป ช่วงแรกๆ เปิดลำโพงแล้วไม่ถูกใจเลย (ลองกับเครื่องเสียงที่มีอยู่เดิม) เสียงมันเหมือนตู้ลำโพงทีวียังไงยังงั้นเลย ผมเลยตัดสินใจเปิดเบิร์นทิ้งไว้ 2 วัน 2 คืน ได้ผลครับ ผมได้เจอประสบการณ์กับหูตัวเองเลยว่า การเบิร์นนี้มีผลจริงๆ เสียงดีขึ้นกว่าเก่ามากๆ แต่ก็ติดอยู่ที่เสียงแหลมยังโด่ๆอยู่ และทุ่มก็ไม่มาก (อันนี้คงเป็นที่สรีระของตัวลำโพง)

อ้อ! ลืมบอกไปว่า ลำโพงตัวนี้ได้เคยไปออกงานกับเค้าด้วยนะ ผมได้มีโอกาสไปร่วมงาน Meeting ของเว็บไซต์ HTG2.NET ในกลุ่มของ DIY และได้พกเอาลำโพงไปร่วมงานด้วย ด้วยรูปทรงนี้ไม่ได้ขี้เหร่เลย แต่พอไปเจอกับลำโพงที่มีราคามากกว่าหลายเท่าตัว ต้องยอมรับเลยว่าเสียงยังสู้ไม่ได้ ก็คงต้องเอากลับมาปรับจูนไดร์เวอร์ให้เหมาะสมอีกทีหนึ่ง

Sunday, February 18, 2007

แอมป์หูฟังหลอด จะว่ายากก็ง่าย จะว่าง่ายก็ยาก (TubeCooking #1 Project)

ก็อย่างที่บอกนะครับ ว่าผมรู้เรื่องอิเล็กทรอนิกส์แค่งูๆปลาๆ ดังนั้นโปรเจ็คชิ้นแรกนี้ ก็เลยใช้เวลานานมากๆ ประมาณ 4 เดือนได้ เริ่มต้นหาวงจร ด้วยความที่เป็นมือใหม่ ก็หาแต่วงจรที่เค้าใช้คำว่า Best หรือดีที่สุด (ค้นทางอินเตอร์เน็ต) ค้นๆเลือกๆ อยู่เป็นเดือน ก็มาลงเอยที่วงจรตามนี้


ข้อมูลทั้งหมดหาอ่านได้ที่นี้ (http://headwize.com/projects/showfile.php?file=waarde1_prj.htm)

หลังจากอ่านข้อมูล ผมพึ่งจะรู้นะเนี้ยเล่นกับวงจรหลอดต้องใช้ไฟเป็นร้อยโวลท์ แล้วต้องมีจุดใส้หลอดด้วย แล้วต้องจัดการกับเสียงฮัมด้วย แล้วร้อนด้วย อ่านไปอ่านมาชักท้อเหมือนกัน แต่เอาไงเอากัน ตัดสินใจแล้วนิ
แล้วจัดแจงหาอุปกรณ์เลย แรกๆก็ม่ายรู้ว่าจะซื้อหลอดที่ไหน ก็ซื้อผ่านทางเน็ตบ้าง ไปบ้านหม้อบ้าง คนขายถามประเภท Capacitor ก็งงๆ ลืมไปว่ามันมีหลายประเภท ก็เลยต้องตอบว่าเอาอะไรก็ได้ เอามาก่อน ประมาณนั้น นั่งรวบรวมอุปกรณ์อีกเป็นสัปดาห์ จึงได้เริ่มลงมือบัดกรีก็ต่อตามวงจรนั้นแหละครับ เริ่มอ่านค่าสีตัวต้านทาน อ่านตำแหน่งขาของหลอด ใช้เวลาอีกร่วม 2 สัปดาห์ (ไม่ได้ถ่ายรูปชิ้นงานช่วงแรกเก็บไว้) เปิดเลยครับ ตอนเสียบปลั๊กเปิดสวิทช์ครั้งแรกจำได้ว่า ต้องเอาหมอนมาบัง เพราะไม่เคย และรู้ว่าไฟร้อยโวลท์กว่าๆ เลยไม่ค่อยกล้า เปิดสัญญาณเข้าเสียบหูฟัง ดังข้างเดียวเองครับ ไม่เป็นไรคืนแรกนอนก่อน อีกข้างเดี๋ยวค่อยมาไล่ใหม่วันรุ่งขึ้น รุ่งขึ้นมาไล่วงจรใหม่ ไม่ผิดแล้วเป็นไงละ ก็ยังดังข้างเดียวอยู่ อ้อเจอแล้วสายกราวด์บัดกรีไม่แน่น ก็ย้ำจุดบัดกรีใหม่คราวนี้ดังสองข้างแล้ว ดีใจจัง ฟังไปฟังมา อ้าวนี้มันเสียงฮัมนี้หน่า ไล่สายใหม่ ก็ไม่ผิด ไล่ยังไงก็ไม่ผิด ผ่านไป 3 เดือน ก็ฟังทั้งที่ฮัมๆมาตลอด จนสุดท้าย รื้นทำใหม่หมดครับ คราวนี้ฮัมหายไปด้วย เพราะได้ความรู้่เกี่ยวกับการต่อกราวด์แบบดาวน (Star Ground) ดูผลงานกันเลยครับ โปรเจ็ค เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจกับอุปกรณ์ในวงจร (ผมเลี่ยงการทำความเข้าใจกับวงจร เพราะใจร้อน)ชิ้นนี้เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปแบบ ที่ละขั้นตอนไว้ให้ดู (Step by Step)

Saturday, February 17, 2007

ดวงใจของผม (4 ขวบแล้ว)


เดือนนี้บังเอิญ เป็นวันเกิดลูกสาว ซึ่งครบรอบ 4 ขวบไปเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2550 ที่ผ่านมานี้เอง ผมสร้าง Blog นี้หลังวันเกิดไม่นาน แต่ขณะที่กำลังเขียนอะไร ก็ได้ยินเสียงลูกเล่นอยู่กับเพื่อนๆอยู่ข้างๆ ทุกวันนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ แต่ด้วยความเป็นผู้ชาย ด้วยความเป็นหัวหน้าครอบครัว คงไม่ดีแน่ถ้าจะบ่นพึ่มพำกับชีวิต แต่ก็ด้วยรอยยิ่งของลูกนี้ละหน้า ที่ทำให้กำลังใจในการดำเนินชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยไม่ต้องอาศัยยาชูกำลังใดๆ และยิ่งได้ยินคำพูดเพียง 3 คำ "หนูรักพ่อ" ที่ข้างๆหู ผมก็ยิ้มได้ตลอดทั้งชีวิตแล้วละครับ
ปล. ลือบอกชื่อไปว่า ที่เห็นในรูปผมเรียกว่า "น้องข้าวหอม"

เกริ่นกันก่อน

"ทำเครื่องเสียงใช้เอง" เป็นคำที่ผมนึกขึ้นได้ว่าผมเคยทำแล้ว ลงทุนไปพอควรสมัยมัธยม แต่หลังจากทำเสร็จ ไม่มีเสียงดังแม้กระทั้ง เสียกปึก เสียงจี่ ที่ลำโพง หลังจากพยายามอยู่นาน นั้นก็เป็นเวลาหลายสิบปีมาแล้ว หลังจากนั้นเวลาเล่นเครื่องเสียง ก็มักจะซื้อที่เป็นแบบสำเร็จมาแล้ว ง่ายกว่ากันเยอะ อยู่มาวันหนึ่ง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เสียงจากลุงที่นับถือโทรเรียกให้ไป เดินสายชุดลำโพงกับกรุเครื่องขยายเสียงหลอด ด้วยความที่มีความรู้ทางด้านการต่อสายลำโพง (แหมก็มันไม่ยากเลยนิหน่า) ผมเดินทางไปยังจุดหมายที่ได้นักกันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาศสัมผัสกับ เครื่องขยายเสียงหลอด หลังจากง่วนอยู่กับการเดินสายไม่นาน เปิดเพลงจากแผ่นซีดีลูกทุ่งตามท้องถิ่นนิยม เอ๊ะเสียงมันแปลกกว่าที่เคยฟัง มันหวานมันน่าฟัง นี้ละมั้งที่เป็นเสียงที่พวกนิยมเครื่องหลอดนิยมฟัง (ก่อนหน้านี้รู้จักเหมือนกัน แต่รู้ว่าราคาแพงมาก เลยไม่อยากไปข้องแวะด้วย) เอาละซิอยากได้มาฟังที่บ้าน จะขอก็คงไม่ได้แน่นอน เลยกลับบ้านเปิดอินเตอร์เน็ตตามถนัด ค้นความรู้ว่าเครื่องเสียงหลอดสามารถประกอบเองใช้งานได้ด้วย เกิดปิ๋งไอเดีย ไอ้เราก็เคยมีความรู้ทางด้านอิเล็กทรอนิกส์นี่หน่า ถึงแม้จะนามมาแล้วแต่ก็คงพอจะอ่านค่าความต้านทาน จากรหัสสีได้ ตัดสินใจทันทีน่าจะลองดูซักเครื่องสองเครื่อง ใช้เวลาอยู่หลายวัน ตัดสินใจได้ว่าจะลองเครื่องแรกด้วย แอมป์หูฟังแบบหลอด เอาเป็นว่า ขอออกตัวก่อนว่าเรื่องความชำนาญและประสบการณ์ คงเริ่มที่ "ศูนย์" หากได้อ่านแล้วอย่าพึ่งคาดหวังว่า จะได้ความรู้จากผู้เชีียวชาญล่ะครับ เอาเป็นว่าเล่าสู่กันฟังจากชีวิตช่วงหนึ่ง ที่อยากทำเครื่องเสียงหลอดใช้เองดีกว่า ตอนต่อไปพบกับ "แอมป์หูฟังหลอด จะว่ายากก็ง่าย จะว่าง่ายก็ยาก (TubeCooking #1 Project) "